วิธีปิดโปรแกรมค้างบน Mac OS แก้ปัญหาแอปไม่ตอบสนอง ออกจากโปรแกรมไม่ได้ หรือ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ เราสามารถใช้คำสั่ง Force Quite บังคับออกจากโปรแกรมหรือแอปนั้นได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรีสตาร์ทเครื่องให้เสียเวลา
ปัญหาแอปหรือโปรแกรมค้างบน Mac นั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่คงมีสักวันที่ต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะปัญหาอาจเกิดจากการใช้งานของเราเองหรือแอปตกรุ่นไม่ได้อัปเดตเป็นเวลานานตลอดจนข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่หาสาเหตุไม่ได้ ดังนั้นการเตรียมรับมือเหตุไม่คาดฝันในขณะใช้งานจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าแอปค้างขึ้นมาเราสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างไรบ้าง
วิธีทำ Force Quite ปิดโปรแกรมค้างบน Mac
การทำ Force Quite Application หรือ บังคับออกจากแอปพลิเคชัน ในระบบปฏิบัติการ Mac ช่วยแก้ปัญหาแอปที่ไม่ตอบสนองการทำงานหรือโปรแกรมค้าง โดยการกดปุ่มลัด command – option – esc บนคีย์บอร์ดพร้อมกัน

จากนั้นจะพบหน้าต่าง บังคับออกจากแอปพลิเคชัน พร้อมกับรายชื่อแอปทั้งหมดที่เปิดใช้งานอยู่ หากแอปใดใช้งานไม่ได้หรือค้างไม่ตอบสนองให้เลือกแอปนั้นแล้วกดปุ่ม บังคับออก
วิธีใช้ Activity Monitor ปิดแอปค้างบน Mac
- เปิดช่องค้นหา Spotlight กดปุ่ม command – spacebar
- พิมพ์คำว่า Activity Monitor ในช่องค้นหา
- เปิดแอป Activity Monitor หรือ ตัวตรวจสอบกิจกรรม

ซึ่งในหน้าต่างแอป Activity Monitor จะแสดงข้อมูลการทำงานของระบบและแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานอยู่ สำหรับแอปที่ไม่ตอบสนองจะมีข้อความแจ้งว่า Not Respond หากต้องการแก้ไขปัญหาให้คลิกเลือกแอปแล้วกดปุ่ม (X) ที่อยู่ใกล้แถบ CPU ด้านบน
ถ้าสังเกตการใช้ตัวตรวจสอบกิจกรรมหรือ Activity Monitor บน MacOS จะมีลักษณะการทำงานคล้ายกับ Task Manager บน Windows ที่แสดงข้อมูลของระบบและแอปต่างๆ ซึ่งเราสามารถใช้ตรวจสอบและแก้ไขแอปที่เกิดปัญหาใช้งานไม่ได้เหมือนกับการกด End Task เพื่อบังคงปิดโปรแกรมนั้นเอง
สรุปเราไม่จำเป็นต้องรีสตาร์ทเครื่องให้เสียเวลาเพราะปัญหาแอปค้างใน MacOS สามารถแก้ไขด้วยการบังคับออกจากแอปพลิเคชันหรือปิดการทำงานผ่านตัวตรวจสอบกิจกรรมทั้งบน MacBook Air, MacBook Pro, iMac, Mac Mini หรือ Mac Pro ล้วนใช้วิธีการแบบเดียวกัน ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ใช้กันบ่อยๆ แต่จำเป็นต้องรู้ไว้